โซ่ส่งกำลัง ( TRANSMISSION CHAIN ) คืออะไร ?
   
      โซ่ส่งกำลัง ( Transmission chain ) คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทอดกำลังจากชุดขับ (ต้นกำลัง) ไปยังชึดตาม (รับกำลัง) เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนชิ้นส่วนหรือตัวเครื่องจักร 
โซ่ส่งกำลังจะต้องทำงานร่วมกับเฟืองโซ่ (Sprockets) ซึ่งจะยึดอยู่กับเพลาด้านขับและตาม
     

      โซ่ส่งกำลังมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดกำลังสูง เนื่องจากโซ่มีฟันที่มีลักษณะเป็นร่องหรือฟันเฟือง โซ่จะคล้องเข้ากับเฟืองโซ่ ส่งผลให้พลังงานจากเพลาขับถูกส่งไปยังเพลาตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
    
 
     ส่วนประกอบหลักของโซ่ส่งกำลังมีดังนี้
 
  
   
 
1. แผ่นประกบ ( Pin link ) : เป็นแผ่นเหล็กที่เชื่อมโซ่แต่ละข้อเข้าด้วยกัน
2. โรลเลอร์ ( Roller link ) : เป็นลูกกลิ้งที่ติดตั้งในแผ่นประกบ เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างโซ่และเฟือง
3. บุช ( Bush ) : เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ระหว่างแผ่นประกบกับโรลเลอร์
4. แผ่นประกบด้านใน (Outer Plate) : ทำหน้าที่รับแรงดึง (Tensile Strength) และรองรับแรงกระชากที่เกิดในขณะทำงาน
5. แผ่นประกบด้านนอก (Outer Plate) : ทำหน้าที่รับแรงดึง (Tensile Strength) และรองรับแรงกระชากที่เกิดในขณะทำงาน นอกจากนั้นยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างโซ่แต่ละข้อ
6. สลัก (Pin) : ทำหน้าที่รับแรงเฉือน (Shearing strength) และแรงบิด (Bending strength) ที่ถูกถ่ายเทมาจากแผ่นประกบด้านในและด้านนอก อีกทั้งยังรองรับแรงร่วมกับบุช
ขณะเคลื่อนที่อยู่บริเวณร่องของฟันเฟือง ดังนั้นสลักที่ใช้งานตรงจุดนี้ต้องมีความแข็งแรงสูงมากเพื่อให้สามารถรับแรงเฉือน, แรงบิด, แรงดึง และแรงกระชาก 
 

โซ่ส่งกำลัง มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำ โครงสร้าง และลักษณะการใช้งาน ประเภทของโซ่ส่งกำลังที่นิยมใช้ ได้แก่

โซ่ลูกกลิ้ง ( ROLLER CHAIN ) : เป็นโซ่ส่งกำลังประเภทที่นิยมใช้มากที่สุด ประกอบด้วยแผ่นประกบ Roller และ Bush

โซ่ซับเสียง ( Silent chain ) : เป็นโซ่ส่งกำลังประเภทที่เงียบกว่าโซ่ลูกกลิ้ง

โซ่แรงสูง ( Power chain ) : เป็นโซ่ส่งกำลังประเภทที่ทนทานต่อแรงกระแทกได้ดี

โซ่สายพาน ( Timing belt ) : เป็นโซ่ส่งกำลังประเภทที่ใช้สำหรับเครื่องจักรที่ต้องการความแม่นยำสูง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อดีของโซ่ส่งกำลัง

- มีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดกำลังสูง

- ทนทานต่อการใช้งานหนัก

- สามารถรับแรงกระแทกได้ดี

- บำรุงรักษาง่าย

- ต้นทุนต่ำ

 การใช้งาน โซส่งกำลังนิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น

- เครื่องจักรกลการเกษตร เช่น เครื่องเกี่ยวข้าว เครื่องตัดหญ้า     

- เครื่องทอผ้า เช่น เครื่องจักรทอผ้า เครื่องพิมพ์ผ้า

- เครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ เช่น เครื่องบรรจุหีบห่อ เครื่องแพ็คเกจจิ้ง

- เครื่องจักรก่อสร้าง เช่น เครื่องยกน้ำหนัก เครื่องตอกเสาเข็ม

ข้อควรระวัง ในการเลือกโซ่ส่งกำลัง ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆดังนี้

1. กำลังที่ใช้ในการขับเคลื่อน โซ่ควรมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับแรงบิดและแรงกระแทกจากเพลาขับ

2. ระยะทางในการส่งกำลัง โซ่ควรมีความยาวเพียงพอที่จะส่งกำลังไปยังเพลาตาม

3. ความเร็วในการส่งกำลัง โซ่ควรสามารถรับความเร็วในการส่งกำลังได้โดยไม่เกิดการสั่นสะเทือน

4. สภาพแวดล้อมในการทำงาน โซ่ควรมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น ความชิ้น ฝุ่นละออง

 

        


วิธีการบำรุงรักษาโซ่

การบำรุงรักษาโซ่ส่งกำลังอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้โซ่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น วิธีการบำรุงรักษามีดังนี้

1. ทำความสะอาด : ควรทำความสะอาดโซ่และเฟืองเป็นประจำ เพื่อป้องกันคราบสกปรก ฝุ่นละออง และเศษวัสดุต่างๆ ที่อาจทำให้โซ่สึกหรอและเสียหาย

2. ตรวจสอบความตึงของโซ่ : ควรตรวจสอบความตึงของโซ่อย่างสม่ำเสมอ โดยให้โซ่มีระยะห่างระหว่างข้อต่อประมาณ 1/2 นิ้ว

3. หล่อลื่น : ควรหล่อลื่นโซ่และเฟืองโซ่เป็นประจำ โดยเลือกใช้น้ำมันหรือจารบีที่เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน

4. เปลี่ยนโซ่เมื่อชำรุด : หากโซ่มีรอยสึกหรอ รอยแตก หรือชิ้นส่วนที่ชำรุด ควรเปลี่ยนโซ่ใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

          

 ข้อควรระวัง 

- ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับโซ่ที่กำลังทำงานอยู่ เพื่อความปลอดภัย

- ควรถอดโซ่ออกจากเครื่องจักร ก่อนการทำความสะอาดหรือซ่อมแซม

        - ควรเลือกใช้น้ำมันหรือจารบีที่เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อโซ่และเฟือง

- หากโซ่มีร่องรอยความเสียหาย ควรเปลี่ยนโซ่ใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัย 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้